การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก

วารสารเกษตร เป็นวารสารวิชาการของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยวารสารจะออกราย 4 เดือน (มกราคม พฤษภาคม และกันยายน) ซึ่งจะพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการสาขา เกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร สัตวแพทย์ และชีววิทยา ทั้งจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย และปัจจุบันวารสารเกษตรอยู่ในฐานข้อมูลระดับชาติ ศูนย์ดัชนีการ...

Full description

Saved in:
Bibliographic Details
Main Author: อโนทัย วิงสระน้อย
Format: บทความวารสาร
Language:Tha
Published: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ 2019
Online Access:http://journal.agri.cmu.ac.th/pdf/J00118_C00875.pdf
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/64344
Tags: Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
Institution: Chiang Mai University
Language: Tha
id th-cmuir.6653943832-64344
record_format dspace
spelling th-cmuir.6653943832-643442019-05-07T10:02:03Z การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก Use of Attractants for Detection of the Solanum Fruit Fly, Bactrocera latifrons (Hendel) Key Pest on Chili อโนทัย วิงสระน้อย วารสารเกษตร เป็นวารสารวิชาการของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยวารสารจะออกราย 4 เดือน (มกราคม พฤษภาคม และกันยายน) ซึ่งจะพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการสาขา เกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร สัตวแพทย์ และชีววิทยา ทั้งจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย และปัจจุบันวารสารเกษตรอยู่ในฐานข้อมูลระดับชาติ ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) พริกระยะติดผลพบมีแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) เข้าทำลายกัดกินอยู่ภายในผล ทำให้ผลเน่าและร่วงหล่น เก็บผลผลิตไม่ได้ ด้วยแมลงวันพริกมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera dorsalis เกษตรกรส่วนใหญ่จึงใช้สารเมทธิลยูจินอล (methyl eugenol) ซึ่งเป็นสารที่ใช้สำหรับล่อแมลงวันผลไม้บางชนิดผสมสารฆ่าแมลงมาใช้ควบคุมประชากรแมลงวันผลไม้ชนิด B. latifrons โดยการใส่สารในขวดน้ำพลาสติกแล้วนำไปแขวนในแปลงปลูกพริก เพื่อล่อให้ตัวเต็มวัยเพศผู้มาติดกับดัก แต่การใช้สารดังกล่าวสามารถดึงดูดได้เพียงแมลงวันผลไม้ชนิด B. dorsalis (Hendel) และแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera correcta (Bezzi) เท่านั้น ซึ่งสารเคมีที่สามารถดึงดูดแมลงวันผลไม้ชนิด B. latifrons ได้ดี คือ สาร lati-lure สารเคมีในกลุ่ม µ–ionone และ µ–ionol ทุกชนิด โดยการใช้สาร µ-ionol ผสม cade oil สามารถดึงดูดแมลงวันผลไม้ชนิด B. latifrons สูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ในสัปดาห์แรกของการติดกับดัก หลังจากนั้นจะลดลงเรื่อย ๆ และลดลงเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ หลังจากติดกับดักเป็นเวลา 6 สัปดาห์ และสาร µ-ionol ผสม cade oil สามารถดึงดูดแมลงวันผลไม้ชนิด B. latifrons ได้ไกลถึง 25 เมตร และมีประสิทธิภาพในการดึงดูดดีที่สุดเมื่อใช้ในระยะ 5 เมตร 2019-05-07T10:02:03Z 2019-05-07T10:02:03Z 2556 บทความวารสาร 0857-0842 http://journal.agri.cmu.ac.th/pdf/J00118_C00875.pdf http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/64344 Tha มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ
institution Chiang Mai University
building Chiang Mai University Library
country Thailand
collection CMU Intellectual Repository
language Tha
description วารสารเกษตร เป็นวารสารวิชาการของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยวารสารจะออกราย 4 เดือน (มกราคม พฤษภาคม และกันยายน) ซึ่งจะพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการสาขา เกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร สัตวแพทย์ และชีววิทยา ทั้งจากภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย และปัจจุบันวารสารเกษตรอยู่ในฐานข้อมูลระดับชาติ ศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI)
format บทความวารสาร
author อโนทัย วิงสระน้อย
spellingShingle อโนทัย วิงสระน้อย
การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก
author_facet อโนทัย วิงสระน้อย
author_sort อโนทัย วิงสระน้อย
title การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก
title_short การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก
title_full การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก
title_fullStr การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก
title_full_unstemmed การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด Bactrocera latifrons (Hendel) ศัตรูสำคัญในพริก
title_sort การใช้สารล่อดักจับแมลงวันผลไม้ชนิด bactrocera latifrons (hendel) ศัตรูสำคัญในพริก
publisher มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ
publishDate 2019
url http://journal.agri.cmu.ac.th/pdf/J00118_C00875.pdf
http://cmuir.cmu.ac.th/jspui/handle/6653943832/64344
_version_ 1681426064438460416