ผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาซับซ้อนโดยผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูงต่อผลลัพธ์ด้านผู้ป่วย
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองศึกษาแบบกลุ่มเดียววัดซ้ำ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาซับซ้อนโดยผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง (APN) ต่อผลลัพธ์ด้านผู้ป่วยกรอบแนวคิดครั้งนี้ใช้ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็มร่วมกับการใช้เทคนิค การสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับเปล...
Saved in:
Main Authors: | , , , , , |
---|---|
Other Authors: | |
Format: | Article |
Language: | Thai |
Published: |
2019
|
Subjects: | |
Online Access: | https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/44273 |
Tags: |
Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
|
Institution: | Mahidol University |
Language: | Thai |
Summary: | การวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองศึกษาแบบกลุ่มเดียววัดซ้ำ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา
ผลของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาซับซ้อนโดยผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูง (APN)
ต่อผลลัพธ์ด้านผู้ป่วยกรอบแนวคิดครั้งนี้ใช้ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็มร่วมกับการใช้เทคนิค
การสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและหลักฐานเชิงประจักษ์ผู้เข้าร่วมวิจัย
เป็นผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาซับซ้อนเข้ารักษาในโรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 30 ราย เลือกกลุ่ม
ตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงตามเกณฑ์คัดเข้าผู้เข้าร่วมวิจัยได้รับโปรแกรม 3 ระยะ เป็นเวลา 10 สัปดาห์
ในสัปดาห์ที่ 1 มีกิจกรรมระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ดังนี้ ระยะที่ 1 ส่งเสริมการรู้จักตนเองและสร้างแรงจูงใจ
โดย APN ให้ผู้เข้าร่วมวิจัยประเมินภาวะสุขภาพกระตุ้นสร้างแรงจูงใจในการดูแลตนเองระยะที่ 2
ตั้งเป้าหมายและวางแผนร่วมกันให้ความรู้ในการดูแลเบาหวานฝึกทักษะและพัฒนาทักษะในการดูแล
ตนเองสร้างสิ่งแวดล้อม และสร้างแรงจูงใจรวม จำนวน 3 ครั้งและในสัปดาห์ที่ 2 ดำเนินกิจกรรมระยะที่ 3
สนับสนุนการดูแลต่อเนื่องโดยติดตามทางโทรศัพท์ทุก 2 สัปดาห์ รวมทั้งสิ้น 5 ครั้งและเปิดช่องทาง
สายด่วน APN 24 ชั่วโมง เก็บข้อมูลพฤติกรรมการดูแลตนเองคุณภาพชีวิตและค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสม
ในเลือดก่อนและหลังสิ้นสุดโปรแกรม 2 สัปดาห์ เก็บข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเบาหวาน 3 ครั้ง คือ ก่อน
และหลังให้ความรู้ทุกด้านและหลังสิ้นสุดโปรแกรม 2 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย
การทดสอบทีและสถิติความแปรปรวนแบบวัดซ้ำของฟรีดแมนผลการวิจัย พบว่า ผู้เข้าร่วมวิจัยมีอายุ
ระหว่าง 19 ถึง 87 ปี มีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้พฤติกรรมการดูแลตนเอง และคุณภาพชีวิตสูงกว่าก่อน
ได้รับโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติและมีค่าเฉลี่ยน้ำตาลสะสมเฉลี่ยลดลงจาก 11.43% เป็น
7.29% หลังสิ้นสุดโปรแกรมงานวิจัยนี้แสดงถึงประสิทธิภาพของโปรแกรมการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน
ที่มีปัญหาซับซ้อนโดยผู้ปฏิบัติการพยาบาลขั้นสูงอย่างต่อเนื่องต่อผลลัพธ์ที่ดีด้านผู้ป่วยดังนั้นจึงควร
นำโปรแกรมนี้ลงสู่การปฏิบัติแก่ผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้และมีปัญหา
ซับซ้อนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี |
---|