การรับรู้ของผู้นำศาสนาอิสลามเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตามหลักปฏิบัติทางศาสนาของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ระหว่างการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
การวิจัยเชิงบรรยายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการรับรู้ของผู้นำศาสนาอิสลามเกี่ยวกับ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตามหลักปฏิบัติทางศาสนาของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ระหว่างการ ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยใช้กรอบแนวคิดการอธิบายความเจ็บป่วยของไคล์นแมนร่วมกับแนวคิดวิถี มุสลิม เลือกกลุ่มตัวอย่างแบ...
Saved in:
Main Authors: | , , , , , |
---|---|
Other Authors: | |
Format: | Article |
Language: | Thai |
Published: |
2019
|
Subjects: | |
Online Access: | https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/47937 |
Tags: |
Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
|
Institution: | Mahidol University |
Language: | Thai |
Summary: | การวิจัยเชิงบรรยายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการรับรู้ของผู้นำศาสนาอิสลามเกี่ยวกับ
พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตามหลักปฏิบัติทางศาสนาของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ระหว่างการ
ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยใช้กรอบแนวคิดการอธิบายความเจ็บป่วยของไคล์นแมนร่วมกับแนวคิดวิถี
มุสลิม เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง ได้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้นำศาสนาอิสลามในจังหวัดนราธิวาส จำนวน 40 ราย
เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม พ.ศ. 2558 โดยการสัมภาษณ์ตามแบบสัมภาษณ์กึ่ง
โครงสร้าง และการบันทึกเทปเสียง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัย
พบว่ากลุ่มตัวอย่างเกือบทั้งหมดรับรู้ว่าการถือศีลอดเป็นการทำตามหลักปฏิบัติของบทบัญญัติของศาสนา
อิสลามที่จำเป็นโดยไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ในกรณีที่มีปัญหาสุขภาพ สามารถยกเว้นได้ การถือศีลอด
มีประโยชน์ทำให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้และทำให้จิตใจสงบ ผู้นำศาสนามีความเห็นว่าชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนควรปรับการรับประทานอาหารทั้งจำนวนมื้อ ชนิด
ปริมาณ และรูปแบบของอาหาร ส่วนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพควรปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักปฏิบัติการ
ถือศีลอด ควรทำกิจกรรมและออกกำลังกายให้น้อยลงเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายที่อ่อนเพลีย ส่วนด้าน
การดูแลสุขอนามัย ต้องดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันเป็นพิเศษ ควรไปตรวจสุขภาพและตรวจน้ำตาล
ในเลือดตามนัดซึ่งถือว่าไม่ผิดหลักศาสนา ในด้านบทบาทของผู้นำศาสนา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นว่าผู้นำ
ศาสนาควรมีส่วนร่วมและสนับสนุนการดูแลสุขภาพของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานที่ต้องถือศีลอดในเดือน
รอมฎอน นอกจากนี้ ยังมีความต้องการเข้ารับการอบรมเพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการ
ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ผลการวิจัยครั้งนี้จะทำให้บุคลากร
เข้าใจถึงการรับรู้ของผู้นำศาสนาอิสลามเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตามหลักปฏิบัติทางศาสนาของ
ชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ระหว่างการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และ บุคลากรด้านสุขภาพควร
เปิดโอกาสให้ผู้นำศาสนามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อแนวการปฏิบัติตัวที่สอดคล้องกับทั้ง
หลักปฏิบัติทางศาสนามุสลิมและหลักการดูแลของบุคลากรด้านสุขภาพเพื่อส่งเสริมให้ผู้ที่เป็นเบาหวาน
มีสุขภาพดีและความผาสุกเชิงวัฒนธรรม |
---|