ภาระในการดูแลตนเองของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีกลุ่มอาการเมแทบอลิก

การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาภาระในการดูแลตนเองของผู้ติด เชื้อเอชไอวีที่มีกลุ่มอาการเมแทบอลิก กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีกลุ่มอาการเมแทบอลิก ที่เข้ามารับการตรวจที่คลินิกผู้ป่วยนอก จำนวน 104 ราย คัดเลือกตามคุณสมบัติที่กำหนด เครื่องมือ ที่ใช้ ประกอบด้วย แบบสอบถามข้...

Full description

Saved in:
Bibliographic Details
Main Authors: สุนีรัตน์ เกตุเวชสุริยา, พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์, ศศิโสภิณ เกียรติบูรณกุล, Suneerat Ketwetsuriya, Poolsuk Janepanish Visudtibhan, Sasisopin Kiertiburanakul
Other Authors: มหาวิทยาลัยมหิดล. คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี. โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี
Format: Article
Language:Thai
Published: 2019
Subjects:
Online Access:https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/47968
Tags: Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
Institution: Mahidol University
Language: Thai
Description
Summary:การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาภาระในการดูแลตนเองของผู้ติด เชื้อเอชไอวีที่มีกลุ่มอาการเมแทบอลิก กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีกลุ่มอาการเมแทบอลิก ที่เข้ามารับการตรวจที่คลินิกผู้ป่วยนอก จำนวน 104 ราย คัดเลือกตามคุณสมบัติที่กำหนด เครื่องมือ ที่ใช้ ประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเจ็บป่วย และแบบสอบถามภาระ ในการดูแลที่สร้างขึ้นจากกรอบแนวคิดภาระการดูแลของโอเบิร์ส ที่พัฒนาจากแนวคิด การดูแล ตนเองของโอเร็ม เก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึง พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 45-54 ปี มีสถานภาพสมรสโสด มีระยะเวลาการติดเชื้อ ไวรัสเฉลี่ย 10.50 ปี และมีระดับ CD4 มากกว่า 300 เซลล์/ลบ.มม และพบว่าร้อยละ 79.80 ของ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีโรคไขมันในเลือดผิดปกติ ร้อยละ 38.50 มีโรคความดันโลหิตสูง และร้อยละ 9.60 มีโรคเบาหวาน รวมทั้งกลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยภาระในการดูแลตนเองอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อวิเคราะห์ภาระในการดูแลตนเอง 3 ด้านตามทฤษฎีของโอเร็ม พบว่า ภาระในการดูแลตนเอง ที่จำเป็นโดยทั่วไป ที่จำเป็นตามระยะพัฒนาการ และที่จำเป็นในภาวะเบี่ยงเบนทางสุขภาพเมื่อ ติดเชื้อเอชไอวี มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง และเมื่อวิเคราะห์ภาระในการดูแลตนเองที่จำเป็น ในภาวะเบี่ยงเบนทางสุขภาพของกลุ่มตัวอย่างพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีโรคความดันโลหิตสูง และ โรคไขมันในเลือดสูง มีค่าเฉลี่ยภาระในการดูแลตนเองอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ มีโรคเบาหวานมีค่าเฉลี่ยภาระในการดูแลตนเองอยู่ในระดับมาก พยาบาลควรให้ความสำคัญใน การประเมินการรับรู้ภาระในการดูแลตนเองของผู้ติดเชื้อที่มีกลุ่มอาการเมแทบอลิกและหาทาง จัดการเพื่อลดภาระในการดูแลตนเองที่เกิดขึ้น