การศึกษาเปรียบเทียบวิธีการสอนช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น

วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบผลวิธีการสอนช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ระหว่างวิธีการสอนด้วยวีดิทัศน์และฝึกปฏิบัติกับพยาบาล และวิธีการสอนและฝึกปฏิบัติด้วยพยาบาล ต่อความรู้และการปฏิบัติในการช่วยชีวิตเด็กขั้นพื้นฐาน ของผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น รูปแบบการวิจัย: การวิจั...

Full description

Saved in:
Bibliographic Details
Main Authors: ลดาวรรณ อุบล, จินตนา ชนประชา, นวลจันทร์ อุดมพงศ์ลักขณา, ประคัลภ์ จันทร์ทอง, Ladawan Ubol, Jintana Chonpracha, Nuanchan Udomponglakkana, Prakul Chanthong
Other Authors: มหาวิทยาลัยมหิดล. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
Format: Article
Language:Thai
Published: 2019
Subjects:
Online Access:https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/48257
Tags: Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
Institution: Mahidol University
Language: Thai
Description
Summary:วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบผลวิธีการสอนช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน ระหว่างวิธีการสอนด้วยวีดิทัศน์และฝึกปฏิบัติกับพยาบาล และวิธีการสอนและฝึกปฏิบัติด้วยพยาบาล ต่อความรู้และการปฏิบัติในการช่วยชีวิตเด็กขั้นพื้นฐาน ของผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น รูปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงทดลอง วิธีดำเนินการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลหลักของผู้ป่วยเด็กที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นในโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 98 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ข้อมูลทั่วไป แบบประเมินความรู้ และแบบประเมินการปฏิบัติในการช่วยชีวิตเด็กขั้นพื้นฐาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การทดสอบแมน-วิทนีย์ ยู การทดสอบไคร์สแควร์ และการทดสอบฟิชเชอร์ ผลการวิจัย: ผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กกลุ่มที่สอนด้วยวีดิทัศน์และฝึกปฏิบัติกับพยาบาลมีคะแนนรวมเฉลี่ยหลังเรียน และการปฏิบัติในภาพรวมของการช่วยชีวิตเด็กขั้นพื้นฐาน ไม่แตกต่างจากกลุ่มที่สอนและฝึกปฏิบัติด้วยพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญ .05 (p > .05) แต่ใช้ระยะเวลาที่พยาบาลต้องสอนน้อยกว่ากลุ่มที่สอนและฝึกปฏิบัติโดยพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z = -7.43, p < .05) สรุปและข้อเสนอแนะ: วิธีการสอนเพื่อให้ความรู้และทักษะการปฏิบัติในการช่วยชีวิตเด็กขั้นพื้นฐานแก่ผู้ดูแล ไม่ว่าจะใช้วิธีสอนด้วยวีดิทัศน์และฝึกปฏิบัติกับพยาบาลหรือวิธีสอนโดยพยาบาลให้ผลไม่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรสนับสนุนให้นำวิธีการสอนด้วยวีดิทัศน์และฝึกปฏิบัติกับพยาบาลมาใช้ในทางปฏิบัติเนื่องจากวิธีนี้ใช้เวลาของพยาบาลน้อยกว่า ยิ่งกว่านั้นควรให้วีดิทัศน์แก่ผู้ดูแลนำกลับไปทบทวนที่บ้านเพื่อให้ทักษะการช่วยเหลือคงทน