การรับรู้เกี่ยวกับการถือศีลอดและพฤติกรรมการดูแลตนเองของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย เพื่อศึกษาการรับรู้เกี่ยวกับการถือศีลอดและ พฤติกรรมการดูแลตนเองของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยใช้ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็มร่วมกับแนวคิดการอธิบายความเจ็บป่วยของไคล์นแมน และคณะเป็นกรอบแนวคิดการวิจัย กลุ่มตัวอย่างซึ่งเลือกกล...
Saved in:
Main Authors: | , , , , , |
---|---|
Other Authors: | |
Format: | Article |
Language: | Thai |
Published: |
2019
|
Subjects: | |
Online Access: | https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/48445 |
Tags: |
Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
|
Institution: | Mahidol University |
Language: | Thai |
Summary: | การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย เพื่อศึกษาการรับรู้เกี่ยวกับการถือศีลอดและ
พฤติกรรมการดูแลตนเองของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
โดยใช้ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเร็มร่วมกับแนวคิดการอธิบายความเจ็บป่วยของไคล์นแมน
และคณะเป็นกรอบแนวคิดการวิจัย กลุ่มตัวอย่างซึ่งเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เป็นชาวไทยมุสลิม
ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เข้ารับบริการที่คลินิกเบาหวาน แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลปัตตานี
จำนวน 52 ราย เก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์โดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างและบันทึกเสียง
วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยายและการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่
ประมาณ 3 ใน 4 ถือศีลอดในเดือนรอมฎอนได้เต็มเดือน และรับรู้ว่าการถือศีลอดไม่มีความเสี่ยง
แต่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและได้บุญ โดยประเมินความเสี่ยงหรือประโยชน์ของการถือศีลอด
จากการได้รับข้อมูลและประสบการณ์เดิม และประเมินความสามารถในการถือศีลอดจากสุขภาพ
โดยรวมหรืออาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่รับประทานอาหาร 2 มื้อ ได้แก่
มื้อสะฮูร (มื้อเช้า) และมื้อเปิดบวช (มื้อเย็น) ร่วมกับอาหารว่างก่อนนอน โดยรับประทานอาหาร
และเครื่องดื่มรสหวานเพิ่มขึ้นและดื่มนํ้าน้อยลง ส่วนใหญ่รับประทานยามื้อเช้าช่วงอาหารมื้อสะฮูร
ยามื้อเย็นช่วงอาหารมื้อเปิดบวชและงดยามื้อเที่ยง โดยทุกรายใช้ชนิดและขนาดยาเหมือนช่วงปกติ
ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตหรือประกอบอาชีพใกล้เคียงช่วงปกติ แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันในการประกอบ
ศาสนกิจและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหนัก กลุ่มตัวอย่างดูแลความสะอาดร่างกายไม่แตกต่าง
จากช่วงปกติ ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการมาตรวจตามแพทย์นัดเพราะเชื่อว่าการเจาะเลือดทำให้เสียศีลอด
หรือการเดินทางทำให้รู้สึกเพลียมากขึ้น และพบว่ามากกว่า 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างมีอาการของ
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำขณะถือศีลอด ประมาณครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างไม่ทราบวิธีประเมินอาการ
และการจัดการภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน ผลงานวิจัยครั้งนี้ ทำให้เข้าใจการรับรู้เกี่ยวกับการ
ถือศีลอดและพฤติกรรมการดูแลตนเองในช่วงการถือศีลอดของผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และ
สามารถนำไปวางแผนการดูแลให้สอดคล้องกับความเชื่อทางศาสนา และแบบแผนการดำเนินชีวิต
ตามบริบททางสังคมของชาวไทยมุสลิมที่เป็นเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น |
---|