ความสัมพันธ์ของความเชื่ออำนาจภายใน-ภายนอกตนและความเชื่อด้านสุขภาพกับการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัยรุ่น
การวิจัยเชิงความสัมพันธ์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบการดูแลตนเองของ ผู้ป่วยวัยรุ่น ตามปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการเจ็บป่วย และความเชื่ออำนาจภายในภายนอกตน ที่ต่างกัน และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อด้านสุขภาพและการดูแลตนเองของผู้ป่วย วัยรุ่น คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะ...
Saved in:
Main Authors: | , , , , , |
---|---|
Other Authors: | |
Format: | Article |
Language: | Thai |
Published: |
2020
|
Subjects: | |
Online Access: | https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/52534 |
Tags: |
Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
|
Institution: | Mahidol University |
Language: | Thai |
Summary: | การวิจัยเชิงความสัมพันธ์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบการดูแลตนเองของ
ผู้ป่วยวัยรุ่น ตามปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านการเจ็บป่วย และความเชื่ออำนาจภายในภายนอกตน
ที่ต่างกัน และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อด้านสุขภาพและการดูแลตนเองของผู้ป่วย
วัยรุ่น คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงตามคุณสมบัติที่กำหนดและสุ่มแบบสัดส่วนตาม
ระบบโรคของผู้ป่วย กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา คือ ผู้ป่วยวัยรุ่นที่หน่วยตรวจผู้ป่วยนอกกุมารเวชกรรม
โรงพยาบาลรามาธิบดี จำนวน 294 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามที่ผู้วิจัย
สร้างขึ้นและผ่านการทดสอบคุณภาพ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติบรรยาย การทดสอบ t-test,
analysis of variance, การทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยวิธี Least Significant Difference และ
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยวัยรุ่นที่มีความแตกต่างด้านปัจจัย
ส่วนบุคคล (อายุ จำนวนพี่น้อง ระดับการศึกษาของผู้ป่วย และสิทธิค่ารักษาพยาบาล) ปัจจัย
ด้านการเจ็บป่วย (การเคยเป็นผู้ป่วยใน และจำนวนครั้งในการรับการรักษา) มีการดูแลตนเอง
แตกต่างกันและผู้ป่วยวัยรุ่นที่มีความเชื่ออำนาจภายในตนมีการดูแลตนเองน้อยกว่าผู้ป่วยที่มี
ความเชื่ออำนาจภายนอกตนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนด้านความเชื่อด้านสุขภาพ พบว่า
การรับรู้ถึงความรุนแรงของโรค การรับรู้โอกาสเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และการรับรู้ประโยชน์ของ
การรักษามีความสัมพันธ์ทางบวกกับการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัยรุ่น แต่การรับรู้อุปสรรคของ
การปฏิบัติมีความสัมพันธ์ทางลบกับการดูแลตนเองของผู้ป่วยวัยรุ่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ |
---|