เครือข่ายทางสังคมกับกระบวนพัฒนาชมรมออกกำลังกายเพื่อสุขภาพในอำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน

การวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเข้มแข็งของชมรมออกกำลังกายในพื้นที่ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน และเพื่ออธิบายกระบวนการพัฒนาชมรมออกกำลังกาย ผลของการ พัฒนาที่มีความสัมพันธ์กับเครือข่าย ทางสังคม รวมทั้งอธิบายผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมาชิกชมรม และชุมชน อันเนื่องจากการดำเนินงานของชมรมออกก...

Full description

Saved in:
Bibliographic Details
Main Authors: กรภัทร ขันไชย, ประสิทธ์ิ ลีระพันธ์, มณฑา เก่งการพานิช, ลักขณา เติมศิริกุลชัย
Other Authors: มหาวิทยาลัยมหิดล. คณะสาธารณสุขศาสตร์. ภาควิชาสุขศึกษาและพฤติกรรมศาสตร์
Format: Article
Language:Thai
Published: 2022
Subjects:
Online Access:https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/64769
Tags: Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
Institution: Mahidol University
Language: Thai
Description
Summary:การวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเข้มแข็งของชมรมออกกำลังกายในพื้นที่ อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน และเพื่ออธิบายกระบวนการพัฒนาชมรมออกกำลังกาย ผลของการ พัฒนาที่มีความสัมพันธ์กับเครือข่าย ทางสังคม รวมทั้งอธิบายผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมาชิกชมรม และชุมชน อันเนื่องจากการดำเนินงานของชมรมออกกำลังกาย โดยใช้การวิจัยเชิงคุณภาพใน การศึกษาเก็บข้อมูลจากชมรมออกกำลังกายจำนวน 6 แห่งในพื้นที่วิจัย ด้วยวิธีการสัมภาษณ์เชิงลึก การสนทนากลุ่ม การสังเกตแบบมีส่วนร่วม และการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า แหล่งข้อมูลหลักที่ ใช้ในการเก็บข้อมูลประกอบด้วยผู้นำชุมชน ผู้แทนกลุ่ม องค์กรที่เป็นเครือข่ายผู้สนับสนุนการ ดำเนินงานของชมรม ออกกำลังกาย ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์เนื้อหาตามคำถามการวิจัย ผลการวิจัยพบว่า 1. ชมรมออกกำลังกายในพื้นที่วจิ ัย 4 ใน 6 แห่งมีความเข้มแข็ง แต่เป็นความเข้มแข็งที่ไม่มี หลักประกันความมั่นคงหรือยั่งยืนมากนัก เพราะเกิดจากการมีผู้นำเต้นหรือสมาชิกที่ติดการ ออกกำลังกายเพียงไม่กี่คน แต่ไม่ได้เกิดจากการบริหารจัดการของเครือข่าย แกนนำชมรมและ คณะกรรมการ 2. มีปัจจัยและเงื่อนไข 5 ด้านที่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการพัฒนาของชมรม คือการขาดความ ทุ่มเทของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ข้อจำกัดด้านองค์ความรู้ของเจ้าหน้าที่ในการส่งเสริมกระบวนการ พัฒนาชมรม การมุ่งเน้นความสำเร็จในเชิงปริมาณมากกว่าเชิงคุณภาพ การเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบการดำเนินงานของชมรมออกกำลังกาย และการที่เจ้าหน้าที่เป็นแกนนำในการบริหาร จัดการทั้งหมด 3. กระบวนการพัฒนาชมรมออกกำลังกายได้รับแรงผลักดัน การสนับสนุนและการ ควบคุมกำกับอย่างจริงจังจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเฉพาะในช่วงการรณรงค์ของรัฐบาลเท่านั้น ทำให้มีผลกระทบทางลบต่อการดำเนินงานของชมรมออกกำลังกายที่จัดตั้งขึ้น 4. การดำเนินงานของชมรมทำให้เกิดผลดีขึ้นกับสมาชิกที่เข้าร่วมกิจกรรม 5 ด้าน คือด้าน ร่างกาย ด้านจิตใจและอารมณ์ ด้านสังคม ด้านความรู้ทางด้านสุขภาพ และด้านทักษะในการ ออกกำลังกาย และมีผลกระทบต่อชุมชนเพียง 2 ด้าน คือการสร้างบรรทัดฐานด้านการออกกำลังกาย ให้กับชุมชน และการเสนอทางเลือกด้านการออกกำลังกายให้กับประชาชน 5. เครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการของชมรมออกกำลังกายมี 2 ประเภท คือ 1) เครือข่าย ผู้สนับสนุน ซึ่งหมายถึงบุคคล กลุ่ม องค์กร ซึ่งได้ให้การสนับสนุนใน 7 รูปแบบ คือการสนับสนุนด้าน งบประมาณ ด้านองค์ความรู้และทักษะการเต้น ด้านการจัดตั้งชมรม ด้านการสั่งการ ด้านการ ประสานงาน ด้านการเข้าร่วมกิจกรรม และการสนับสนุนด้านขวัญกำลังใจ และ 2) เครือข่ายผู้ร่วม ปฏิบัติการ หมายถึง เครือข่ายภายในระหว่างชมรมออกกำลังกายด้วยกันเอง เป็นความสัมพันธ์อย่าง หลวมๆ และมักแปรไปตามแนวทางการสนับสนุนของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งเป็นเครือข่าย ผู้สนับสนุนที่สำคัญ ข้อเสนอแนะที่เรียนรู้จากผลการวิจัย ได้เสนอให้เน้นการปรับแนวคิดและกระบวนทัศน์ ในการพัฒนาความเข้มแข็งให้กับชมรมออกกำลังกาย ด้วยการสร้างแกนนำที่เข้มแข็งและมีระบบ บริหารจัดการของชมรมที่มีประสิทธิภาพ และเน้นการให้เครือข่ายผู้ร่วมปฏิบัติการมีส่วนร่วม ในการดำเนินงานและการพัฒนาชมรมออกกำลังกาย