การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการสนับสนุนด้านจิตใจของสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าทารกในครรภ์มีความผิดปกติโดยต้องได้รับการผ่าตัดภายหลังคลอด
วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการสนับสนุนด้านจิตใจของสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าทารกในครรภ์มีความผิดปกติโดยต้องได้รับการผ่าตัดภายหลังคลอด รูปแบบการศึกษา: การใช้รูปแบบหลักฐานเชิงประจักษ์ วิธีดำเนินการศึกษา: ใช้รูปแบบการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ทางการพยาบาลของซูคัป เป็นกรอบแนวคิ...
Saved in:
Main Authors: | , , , , , |
---|---|
Other Authors: | |
Format: | Article |
Language: | Thai |
Published: |
2018
|
Subjects: | |
Online Access: | https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/21950 |
Tags: |
Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
|
Institution: | Mahidol University |
Language: | Thai |
Summary: | วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลในการสนับสนุนด้านจิตใจของสตรีตั้งครรภ์ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าทารกในครรภ์มีความผิดปกติโดยต้องได้รับการผ่าตัดภายหลังคลอด
รูปแบบการศึกษา: การใช้รูปแบบหลักฐานเชิงประจักษ์
วิธีดำเนินการศึกษา: ใช้รูปแบบการใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ทางการพยาบาลของซูคัป เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนา ซึ่งมี 4 ระยะ คือ 1) การค้นหาปัญหา 2) การสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์ 3) การพัฒนาแนวปฏิบัติและนำไปทดลองใช้ และ 4) การนำแนวปฏิบัติที่ปรับปรุงแล้วไปใช้จริงในหน่วยงาน โดยการศึกษาครั้งนี้ได้เริ่มศึกษาจากระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 3 มีงานวิจัยทั้งหมด 10 เรื่อง ประกอบด้วย การทบทวนงานวิจัยอย่างเป็นระบบ 1 เรื่อง งานวิจัยแบบศึกษาไปข้างหน้า จำนวน 2 เรื่อง งานวิจัยแบบการศึกษาย้อนหลัง จำนวน 3 เรื่อง และงานวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 5 เรื่อง รวมทั้งการประเมินความน่าเชื่อถือ และความเป็นไปได้ของแนวปฏิบัติ
ผลการศึกษา: ผลการวิเคราะห์และสังเคราะห์งานวิจัยดังกล่าวมี 3 ประเด็นหลัก คือ 1) การประเมินภาวะทางด้านจิตใจและความต้องการการสนับสนุน 2) เทคนิกการสนับสนุนจิตใจด้านอารมณ์และด้านข้อมูล และ 3) การดูแลที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกและได้นำผลมาพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลและได้ผ่านการตรวจสอบเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน และนำมาปรับปรุงแก้ไขให้มีความเหมาะสม
สรุปและข้อเสนอแนะ: การนำแนวปฏิบัติการพยาบาลนี้ไปใช้ควรศึกษานำรองเพื่อประเมินผลทั้งด้านกระบวนการและผลลัพธ์ ควรมีการปรับแนวปฏิบัติให้เหมาะสมกับบริบทของคลินิก นอกจากนี้บูรณาการเข้าไว้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องและมีกระบวนการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง |
---|