ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรค ความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง กับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ รูปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ วิธีดำเนินงานวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู็ป่วยท...

Full description

Saved in:
Bibliographic Details
Main Authors: สิรินันท์ ชูเชิด, Sirinan Choocherd, นภาพร วาณิชย์กุล, Napaporn Wanitkun, สุพร ดนัยดุษฎีกุล, Suporn Danaidusadeekul, ชัยวุฒิ ยศถาสุโรดม, Chaiwut Yottasurodom
Other Authors: มหาวิทยาลัยมหิดล. คณะพยาบาลศาสตร์
Format: Article
Language:Thai
Published: 2018
Subjects:
Online Access:https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/25198
Tags: Add Tag
No Tags, Be the first to tag this record!
Institution: Mahidol University
Language: Thai
id th-mahidol.25198
record_format dspace
institution Mahidol University
building Mahidol University Library
continent Asia
country Thailand
Thailand
content_provider Mahidol University Library
collection Mahidol University Institutional Repository
language Thai
topic การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
คุณภาพชีวิต
ความแตกฉานทางสุขภาพ
การรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง
Journal of Nursing Science
วารสารพยาบาลศาสตร์
Open Access article
spellingShingle การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
คุณภาพชีวิต
ความแตกฉานทางสุขภาพ
การรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง
Journal of Nursing Science
วารสารพยาบาลศาสตร์
Open Access article
สิรินันท์ ชูเชิด
Sirinan Choocherd
นภาพร วาณิชย์กุล
Napaporn Wanitkun
สุพร ดนัยดุษฎีกุล
Suporn Danaidusadeekul
ชัยวุฒิ ยศถาสุโรดม
Chaiwut Yottasurodom
ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
description วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรค ความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง กับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ รูปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ วิธีดำเนินงานวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู็ป่วยที่มาติดตามรักษาครั้งที่ 2 ภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ จำนวน 94 ราย ที่คลินิกศัลยกรรมโรคหัวใจ สถาบันโรคทรวงอก เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์โดยใช้แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความแตกฉานทางสุขภาพ แบบสอบถามความรับผิดชอบของผู้ป่วย แบบสอบถามการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง และแบบสอบถามคุณภาพชีวิต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างมีคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับดี (M = 75.36, SD = 12.48) ความรุนแรงของโรคตามค่า Cardiac Power Index เฉลี่ย 0.58 Watts/m2 ความแตกฉานทางสุขภาพ ความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางอยู่ในระดับสูง (M = 7.87, 70.17, 5.32 ตามลำดับ) ความแตกฉานทางสุขภาพและการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศููนย์กลางมีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจในช่วง 10-20 สัปดาห์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .214; r = .226, p < .05) สรุปและข้อเสนอแนะ: พยาบาลควรส่งเสริมความแตกฉานทางสุขภาพของผู้ป่วยด้วยการพัฒนาระบบการให้ความรู้และคำแนะนำการปฏิบัติตนก่อนจำหน่ายร่วมกับพัฒนา คุณภาพระบบการบริการโดยนำรูปแบบการดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ โดยประเมินผลการดูแลจากการรับรู้ของผู้ป่วย
author2 มหาวิทยาลัยมหิดล. คณะพยาบาลศาสตร์
author_facet มหาวิทยาลัยมหิดล. คณะพยาบาลศาสตร์
สิรินันท์ ชูเชิด
Sirinan Choocherd
นภาพร วาณิชย์กุล
Napaporn Wanitkun
สุพร ดนัยดุษฎีกุล
Suporn Danaidusadeekul
ชัยวุฒิ ยศถาสุโรดม
Chaiwut Yottasurodom
format Article
author สิรินันท์ ชูเชิด
Sirinan Choocherd
นภาพร วาณิชย์กุล
Napaporn Wanitkun
สุพร ดนัยดุษฎีกุล
Suporn Danaidusadeekul
ชัยวุฒิ ยศถาสุโรดม
Chaiwut Yottasurodom
author_sort สิรินันท์ ชูเชิด
title ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
title_short ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
title_full ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
title_fullStr ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
title_full_unstemmed ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
title_sort ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
publishDate 2018
url https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/25198
_version_ 1763491004633055232
spelling th-mahidol.251982023-03-30T23:56:31Z ความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรคความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ Relationships among Health Literacy, Severity of Disease, Patient Engagement, Perception of Person-Centered Care and Quality of Life in Patients after Coronary Artery Bypass Graft Surgery สิรินันท์ ชูเชิด Sirinan Choocherd นภาพร วาณิชย์กุล Napaporn Wanitkun สุพร ดนัยดุษฎีกุล Suporn Danaidusadeekul ชัยวุฒิ ยศถาสุโรดม Chaiwut Yottasurodom มหาวิทยาลัยมหิดล. คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันทรวงอก การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ คุณภาพชีวิต ความแตกฉานทางสุขภาพ การรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง Journal of Nursing Science วารสารพยาบาลศาสตร์ Open Access article วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความแตกฉานทางสุขภาพ ความรุนแรงของโรค ความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง กับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ รูปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ วิธีดำเนินงานวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู็ป่วยที่มาติดตามรักษาครั้งที่ 2 ภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ จำนวน 94 ราย ที่คลินิกศัลยกรรมโรคหัวใจ สถาบันโรคทรวงอก เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์โดยใช้แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความแตกฉานทางสุขภาพ แบบสอบถามความรับผิดชอบของผู้ป่วย แบบสอบถามการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลาง และแบบสอบถามคุณภาพชีวิต วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างมีคุณภาพชีวิตอยู่ในระดับดี (M = 75.36, SD = 12.48) ความรุนแรงของโรคตามค่า Cardiac Power Index เฉลี่ย 0.58 Watts/m2 ความแตกฉานทางสุขภาพ ความรับผิดชอบของผู้ป่วย และการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางอยู่ในระดับสูง (M = 7.87, 70.17, 5.32 ตามลำดับ) ความแตกฉานทางสุขภาพและการรับรู้การดูแลแบบบุคคลเป็นศููนย์กลางมีความสัมพันธ์ทางบวกกับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยภายหลังผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจในช่วง 10-20 สัปดาห์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .214; r = .226, p < .05) สรุปและข้อเสนอแนะ: พยาบาลควรส่งเสริมความแตกฉานทางสุขภาพของผู้ป่วยด้วยการพัฒนาระบบการให้ความรู้และคำแนะนำการปฏิบัติตนก่อนจำหน่ายร่วมกับพัฒนา คุณภาพระบบการบริการโดยนำรูปแบบการดูแลแบบบุคคลเป็นศูนย์กลางมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ โดยประเมินผลการดูแลจากการรับรู้ของผู้ป่วย Purpose: The objective of this study was to examine the relationships among health literacy, severity of disease, patient engagement, perception of person-centered care, and quality of life in patients after coronary artery bypass graft surgery (CABG). Design: A descriptive correlation design. Methods: The sample consisted of 94 patients who attended a heart surgery clinic for a second follow-up appointment after CABG at the Central Chest Institute. Data were collected by interviewing through a set of questionnaires consisting of socio-demographic data and clinical profile, Health Literacy Questionnaire, Patient Activation Measure, Consultation Care Measure and Medical Outcome Survey Short-Form 36. Data were analyzed by descriptive statistics and Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient. Main findings: The findings indicated that quality of life was good (M = 75.36, SD = 12.48), severity of disease from Cardiac Power Index average was at 0.58 Watts/m2, health literacy, patient engagement and perception of person-centered care were at a high level (M = 7.87, 70.17, 5.32 respectively). Health literacy and perception of person-centered care were statistically related to quality of life among patients after 10-20 weeks of post CABG. (r = .214; r = .226, p < .05, respectively). Conclusion and recommendations: Nurses should promote health literacy of patients by developing a system to disseminate knowledge and advice on self-care practices before hospital discharge, together with the development of quality of the service system by utilizing person-centered care to patients after coronary artery bypass graft surgery based on the patients’ perceptions. 2018-08-28T08:40:39Z 2018-08-28T08:40:39Z 2561-08-28 2559 Article วารสารพยาบาลศาสตร์. ปีที่ 34 (ฉ. เพิ่มเติม 1), ฉบับที่ 2 (เม.ย. - มิ.ย. 2559), 94-106 https://repository.li.mahidol.ac.th/handle/123456789/25198 tha มหาวิทยาลัยมหิดล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล application/pdf